TPL ทุ่มทุนสร้างศูนย์กระจายสินค้าขยายอาณาจักร “กรีนโลจิสติกส์” ลุยรถขนส่ง EVอัพผลงาน 3 ปีข้างหน้าเติบโตเท่าตัว

TPL ทุ่มทุนสร้างศูนย์กระจายสินค้าขยายอาณาจักร “กรีนโลจิสติกส์” ลุยรถขนส่ง EVอัพผลงาน 3 ปีข้างหน้าเติบโตเท่าตัว

บมจ.ไทยพาร์เซิล (TPL) เปิดเกมรุกทันที! หลังระดมเงินผ่านการขายหุ้นไอพีโอเฉียด 400 ล้านบาท ลุยเดินหน้าโปรเจคศูนย์กระจายสินค้าระดับภูมิภาค-รถขนส่ง EV ขยายอาณาจักร “กรีนโลจิสติกส์” ตามแผน บิ๊กบอส “ภัทรลาภ ทวีวงศ์” มั่นใจช่วยผลักดันผลงานในช่วง 3 ปีข้างหน้าโตกระฉูด ยอดส่งสินค้าเพิ่ม 2 เท่า

นายภัทรลาภ ทวีวงศ์ ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยพาร์เซิล จำกัด (มหาชน) (TPL) ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการจัดส่งสินค้าหรือสิ่งของในประเทศไทย ทั้งสำหรับภาคธุรกิจและบุคคลทั่วไป รวมถึงให้บริการเก็บเงินค่าสินค้าปลายทาง เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 บริษัทฯเตรียมนำเงินที่ได้จากการระดมทุนเฉียด 400 ล้านบาท ไปใช้ในการขยายธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต รองรับการก้าวสู่ผู้ให้บริการจัดส่งสินค้าขนาดใหญ่หลากหลายรูปทรงด้วยระบบ “Green Logistics”

ทั้งนี้ บริษัทฯพร้อมเดินหน้าในการจัดหาที่ดินและก่อสร้างศูนย์คัดแยก ศูนย์กระจายสินค้าระดับภูมิภาค ซื้อยานพาหนะที่เป็นรถขนส่งแบบยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และการสร้างสถานีชาร์จไฟและอุปกรณ์ต่างๆ และลงทุนในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

“ในส่วนของแผนลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ผ่านการลงทุนด้วยรถขนส่ง EV ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนได้กว่า 50% เราเตรียมซื้อรถบรรทุก 6 ล้อจำนวน 28 คัน รถ 4 ล้อเล็ก จำนวน 51 คัน ซึ่งคาดจะรับมอบรถไฟฟ้า EV ในครึ่งปีหลัง 2566 จากปัจจุบันที่มีกองรถดีเซลทั้งหมด 400 คัน แบ่งเป็นรถบริษัทจำนวน300 คัน และรถของพันธมิตร 100 คัน”

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TPL กล่าวอีกว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ทำให้ยอดส่งสินค้าเพิ่มขึ้น คาดว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโต 15-20% ตามแผนงานที่วางไว้ และจากแผนการขยายธุรกิจในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า จะทำให้แนวโน้มผลการดำเนินงานเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยตั้งเป้าภายใน 3 ปีข้างหน้า ยอดจัดส่งสินค้าจะเพิ่มเป็น 2 เท่า จากปัจจุบัน 3.5-6 แสนชิ้น/เดือน

ทั้งนี้ ในส่วนของผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/66 มีกำไรสุทธิ 9.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2.41 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น 18.00% จากงวดเดียวกันปีก่อนเท่ากับ 17.90% และอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น 0.53 เท่า

ข่าวเกี่ยวข้อง